1. นิทานเสริมพัฒนาการสมองของลูก
เมื่อเด็กฟังนิทาน สมองของเขาจะทำงานผ่านการจินตนาการถึงภาพ เสียง ตัวละคร และเหตุการณ์ต่าง ๆ ซึ่งช่วยพัฒนาโครงสร้างสมองในด้านความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงฝึกการคิดอย่างมีเหตุผล การเชื่อมโยงเหตุและผล และเข้าใจลำดับของเหตุการณ์อย่างเป็นระบบ สิ่งเหล่านี้เป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการเรียนรู้ทุกด้านในอนาคต
2. เวลานิทานคือเวลาความรัก
การเล่านิทานเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูกได้อย่างยอดเยี่ยม เพราะเป็นช่วงเวลาที่ใช้ร่วมกันอย่างใกล้ชิด ลูกจะรู้สึกว่าแม่ให้ความสำคัญกับเขา ซึ่งช่วยเติมเต็มความรักและความมั่นคงทางจิตใจ ทำให้เด็กเติบโตเป็นคนที่มีอารมณ์มั่นคงและไว้วางใจผู้อื่น
3. นิทานช่วยปลูกฝังคุณธรรมและค่านิยม
นิทานส่วนใหญ่มักสอดแทรกบทเรียนชีวิตที่เรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง เช่น การพูดความจริง ความมีน้ำใจ หรือความไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค ซึ่งเมื่อเด็กได้ฟังซ้ำ ๆ ผ่านเรื่องราวต่าง ๆ เขาจะค่อย ๆ ซึมซับและนำไปปรับใช้ในการดำเนินชีวิตโดยไม่รู้ตัว เป็นการปลูกฝังจริยธรรมอย่างนุ่มนวล
4. กระตุ้นการพัฒนาภาษาอย่างได้ผล
การฟังนิทานช่วยให้เด็กคุ้นเคยกับคำศัพท์ใหม่ ๆ และรูปแบบของประโยคที่หลากหลาย ซึ่งเป็นการขยายคลังคำในสมอง และช่วยให้พัฒนาในด้านการสื่อสารอย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งในเรื่องการพูดอย่างชัดเจน การเข้าใจความหมายในบริบท และต่อยอดไปถึงทักษะการอ่านและเขียนเมื่อลูกเริ่มเรียนหนังสือ
5. แม่คือนักเล่านิทานที่ดีที่สุด
แม้ว่าการเล่านิทานจะดูเรียบง่าย แต่เมื่อแม่เล่าด้วยความรักและใส่อารมณ์ลงไป เด็กจะสัมผัสได้ถึงความผูกพันและความพิเศษของช่วงเวลานั้น เสียงของแม่ น้ำเสียง ท่าทาง หรือแม้แต่รอยยิ้ม ทำให้นิทานธรรมดากลายเป็นประสบการณ์ที่ลึกซึ้งในใจลูก ส่งเสริมให้เขารักการอ่านและการฟังไปตลอดชีวิต